Tips for consumer 16 ก.พ. 61

โลกร้อนขึ้นจริงหรือ?

จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศตลอดระยะเวลา 5-10 ปีที่ผ่านมา อาจทำให้เราพอจะสรุปเอาเองได้ว่าโลกร้อนขึ้น แม้จะมีฤดูหนาวก็หนาวแค่ไม่กี่วัน แต่พอถึงฤดูร้อนก็ร้อนจนตับจะแตก แถมยังมีแนวโน้มที่ว่าจะร้อนขึ้นทุกปีๆ อีกด้วย ทำเอาแอร์ขายดีกันแบบเทน้ำเทท่า ซึ่งภาวะแบบนี้แหละที่เรียกกันว่า ภาวะโลกร้อน หรือ GLOBAL WARMING

 

ภาวะโลกร้อนเกิดขึ้นได้อย่างไร?

กลางศตวรรษที่ 18 มีการค้นพบว่าก๊าซบางชนิด (เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์)ในชั้นบรรยากาศของโลก สามารถเก็บกักความร้อนและอุณหภูมิของโลกเอาไว้ได้ ต่อมาในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 นักวิทยาศาสตร์ชาวสวีเดนชื่อ สวานเต อาร์เรเนียส (Svante Arrhenius) ผลักดันแนวคิดที่ว่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์จากฝีมือมนุษย์จะทำให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้นในที่สุด

 

 

แนวคิดนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าถูกต้องในสภาวการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เพราะถ้าพูดกันจริงๆ แล้ว สาเหตุของการเกิดภาวะโลกร้อนขึ้นก็คงหนีไม่มนุษย์ ที่เพิ่มก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงต่างๆ ทั้งการขนส่ง การผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงการเพิ่มขึ้นของก๊าซกลุ่มไนตรัส- ออกไซด์ และคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (CFC) เข้าไปในชั้นบรรยากาศ พร้อมๆ กับการตัดไม้ ทำลายป่าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กลไกในการดึงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปจากระบบบรรยากาศถูกลดทอนประสิทธิภาพลง แสงอาทิตย์ส่องทะลุผ่านชั้นบรรยากาศลงมาสู่โลกได้มากขึ้น และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ก็เก็บกักความร้อนเอาไว้ในโลก เกิดเป็นปรากฎการณ์เรือนกระจก (Greenhouse Effect) ในปัจจุบันนั่นเอง

 

วิธีลดภาวะโลกร้อน?

คราวนี้มาดูวิธีง่ายๆ ในการลดภาวะโลกร้อน ซึ่งเชื่อว่าใกล้ตัวและทุกคนสามารถทำได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน เรียกได้ว่านอกจากจะประหยัดค่าไฟภายในบ้านแล้ว ยังสามารถช่วยลดภาวะโลกร้อนและการเกิดปรากฎการณ์เรือนกระจกได้อีกด้วย

  1. ปิดการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้ 
    ลดการใช้พลังงานด้วยการปิดใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ อาทิ โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่เครื่องปรับอากาศ จะช่วยลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 455 กิโลกรัมต่อปี
  2. โหมดสแตนบายด์จริงๆ ก็ยังกินไฟอยู่ ทางทีดีปิดแล้วถอดปลั๊กดีกว่า
    ลดการสูญเสียพลังงานในโหมดสแตนด์บาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเสียงระบบ Hi-Fi, โทรทัศน์, คอมพิวเตอร์, PS4 หรือแม้แต่เครื่องปรับอากาศ ด้วยการปิดคัตเอาท์ ถอดปลั๊ก หรือใช้ปลั๊กเสียบพ่วงอุปกรณ์ตัดไฟอัตโนมัติ
  3. หลอดไฟแบบฟลูออเรสเซนต์ช่วยประหยัดไฟได้มากกว่าที่คิด
    เมื่อเปรียบเทียบกับหลอดไฟแบบหลอดไส้แล้ว การเปลี่ยนมาใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์ 1 ดวง จะช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 68 กิโลกรัมต่อปี และยังช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่าอีกด้วย
  4. ใช้งานตู้เย็นอย่างถูกวิธี
    ไม่ใช่การดึงปลั๊กตู้เย็นออกเมื่อไม่ใช้ แต่เป็นวิธีที่ง่ายกว่านั้นโดยการไม่นำของร้อน ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือเครื่องดื่มเข้าตู้เย็นในทันที ควรรอให้เย็นก่อนจึงค่อยนำเข้าไปแช่ หลีกเลี่ยงการนำถุงพลาสติกใส่ของในตู้เย็น เพราะจะทำให้ตู้เย็นทำงานหนักขึ้น ล้างทำความสะอาดตู้เย็นทุกๆ สัปดาห์และอย่าลืมละลายน้ำแข็งที่เกาะในตู้เย็นด้วยเพราะจะทำให้ตู้เย็นกินไฟมากขึ้น และควรหลีกเลี่ยงการนำตู้เย็นเข้าไปในห้องที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ 
  5. เอาเสื้อผ้าออกมาตากแดดดีกว่าใช้เครื่องปั่นผ้าแห้ง
    ไม่ใช้ ก็ไม่สูญเสียพลังงานไปอย่างสิ้นเปลือง วันไหนแดดดีๆ อย่าลืมเอาผ้ามาตากกันนะ 
  6. รถยนต์...ไม่จำเป็นก็อย่าใช้ รถติดแถมอารมณ์เสีย 
    แน่นอนว่าการใช้รถยนต์เท่ากับการใช้เชื้อเพลิงเผาไหม้ ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ไม่ได้ ดังนั้นถ้าขับไปไหนใกล้ๆ ใช้จักรยานแทนก็ได้ครับ เราสุขภาพดีขึ้น โลกก็สุขภาพดีขึ้นด้วย
  7. เปลี่ยนมาใช้น้ำมันชีวภาพ รักษาสิ่งแวดล้อม
    เปลี่ยนมาใช้พลังงานชีวภาพ สิ่งที่เรียกว่าไบโอดีเซล เอทานอล ให้มากขึ้นเพื่อลดการใช้น้ำมัน (ราคาถูกกว่าด้วย)
  8. ECO-Car ก็ช่วยประหยัดพลังงานนะ ช่วยชาติ ช่วยโลกอาจปฏิเสธไม่ได้ว่ารถยนต์ก็เป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิตประจำวันไม่น้อย ลองพิจารณา Eco-Car สักรุ่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสิ
  9. ทางเดียวกัน ไปด้วยกันสิ
    ลดการใช้พลังงาน ช่วยโลก ช่วยชาติ แถมยังได้เพื่อนคุยอีกด้วย แหม! อะไรๆ ก็ดีไปโม้ด
  10. จะรีบไปไหน ขับ 90 ดีกว่ามั้ย สบายๆ ชิลล์ๆ
    การขับรถด้วยความเร็วแค่ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะช่วยลดการเผาผลาญพลังงานได้เยอะ เรียกได้ว่าขับในโหมด ECO ซึ่งจะช่วยลดการใช้น้ำมันได้ 20% หรือคิดเป็นปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่ลดได้ 1 ตัน ต่อรถยนต์แต่ละคัน ที่ใช้งานราว 3 หมื่นกิโลเมตรต่อปีเลยนะ

 

และนี่ก็คือ 10 วิธีช่วยลดภาวะโลกร้อนที่ใครๆ ก็ทำได้ ถ้าร่วมด้วยช่วยกันคนละไม้คนละมือรับรองว่าอากาศในโลกของเราจะดีขึ้นกว่านี้อีกเยอะเลยล่ะ...

LATEST ARTICLES
OF AIR CONDITIONERS